วันพฤหัสบดีที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2556

โปรแกรม Multimedia



Miro

Miro
 เป็นโปรแกรมสำหรับบริหารจัดการไฟล์เพลงและไฟล์หนังได้อย่างครบวงจร โปรแกรมสามารถใช้งานโดยใช้งานฐานข้อมูลของ iTunes ได้ทันที ทำให้เราสามารถดูหนังแบบ HD และฟังเพลงโดยไม่ต้องสร้างฐานข้อมูลเพลงและหนังใหม่ โปรแกรมสามารถใช้ในการดาวน์โหลดคลิปวีดีโอจากอินเตอร์เน็ต สามารถใช้โหลดบิตแทนโปรแกรมโหลดบิตทั่วไป นอกจากนั้นโปรแกรมยังสามารถเชื่อมต่อไปยัง Google Store เพื่อทำการ sync ข้อมูลระหว่าง Miro และอุปกรณ์ Android โปรแกรมสามารถใช้ในการแปลงไฟล์วีดีโอเพื่อใช้ลงอุปกรณ์มือถือ Android, iOS, และอุปกรณ์อื่นๆ หากมีการใช้งาน Miro บนหลายเครื่องในเน็ตเวิร์คเดียวกัน โปรแกรมก็ยังสามารถใช้แชร์ไฟล์ต่างๆ ผ่าน Wifi ได้อีกด้ว

                                                                             
KMPlayer

KMPlayer ได้เวลาอัพเดทกันอีกแล้วกับสุดยอดโปรแกรมดูหนังฟังเพลงยอดฮิต โปรแกรมนี้นับได้ว่าเป็นโปรแกรมอันดับต้นๆ คู่ใจคอหนังก็ว่าได้ เนื่องจากโปรแกรมสามารถใช้ดูหนังและฟังเพลงได้ทุกนามสกุลได้ทันทีโดยไม่ต้องลง codec เพิ่มเติมภายหลัง โปรแกรมรองรับการใช้งานด้านการดูหนังฟังเพลงอย่างเต็มรูปแบบ สามารถปรับแต่งระบบภาพและเสียง พร้อมทั้งซับไตเติ้ลได้อย่างอิสระ โปรแกรมมีระบบ KMP+ ที่จะช่วยแนะนำหนังน่าสนใจ คลิปที่กำลังมีคนพูดถึง รวมทั้งเล่นเกมส์สนุกๆ ได้ทันทีจากโปรแกรม สำหรับเวอร์ชั่นอัพเดทล่าสุดก็มีการเพิ่มระบบ Instant View ที่เป็นภาพพรีวิวบน seek bar คล้ายกับในยูทูป, แก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัย, เพิ่มระบบ resync ซับไตเติ้ล เป็นต้น

RealPlayer

RealPlayer เป็นโปรแกรมดูหนังฟังเพลงฟรีที่ออกแบบมาให้สามารถทำงานได้หลายอย่าง โปรแกรมเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบการดูหนังผ่านเว็บไซต์พร้อมทั้งการดาวน์โหลดคลิปจากเว็บไซต์ต่างๆ ซึ่งโปรแกรมได้มีระบบการบริหารจัดการไฟล์วีดีโอไว้อย่างครบวงจร เราสามารถจัดการไฟล์วีดีโอที่เรามีอยู่ในเครื่องและที่ดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว แถมโปรแกรมยังมีระบบแนะนำคลิปวีดีโอใหม่ๆ ที่กำลังฮ๊อตเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน ทำให้เราไม่มีพลาดคลิปเด็ดๆ อย่างแน่นอน สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุดก็มีการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ อย่างเช่น Web videos ที่เป็นระบบแนะนำคลิปใหม่ๆ ที่น่าสนใจ, ปรับปรุงระบบการดาวน์โหลดคลิปให้สามารถทำงานทั้งหมดได้ภายในโปรแกรม, Video bookmarking ระบบการจัดเก็บคลิปที่ชอบหรือต้องการเก็บไว้ดูในภายหลัง เป็นต้น

วันพุธที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2556

6.โปรแกรมจัดหน้าจอ



Snagit 


(โปรแกรม จับภาพหน้าจอ ทุกอย่าง ที่ขวางหน้า) : ถือเป็นอีกหนึ่ง โปรแกรมจับภาพหน้าจอ คุณภาพสูง ใช้กันมากๆ เลยนะครับ ในงานระดับมืออาชีพ โดยสามารถจับภาพ ทุกอย่างที่ขวางหน้าได้ อาทิเช่น การที่เราจะจับภาพของหน้าจอเว็บเพจ สักเว็บนึง ถ้าเว็บไหนยาวๆ เราต้องมานั่ง ทำที่ละส่วนแล้วนำภาพมาต่อกันเอง สำหรับโปรแกรมนี้กด Click ทีเดียวจบข่าวเลยครับ เรียกได้ว่าคนที่ใช้ในการทำการระดับคุณภาพแล้วล่ะก็ตัวนี้ล่ะครับ ที่คุณกำลังค้นหา


WinSnap
WinSnap (โปรแกรมจับภาพหน้าจอ อัดภาพหน้าจอ แต่งภาพได้) โปรแกรมขนาดเล็กๆ ที่มีประสบการณ์การพัฒนาอย่างยาวนาน ถือกำเนิดเวอร์ชั่นแรก ในวันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2549 (ค.ศ. 2006) ที่มีชื่อว่า WinSnap ตัวนี้เป็น โปรแกรมจับภาพหน้าจอ (Screen-Captured Software) ที่จะช่วยให้คุณได้สามารถอัดภาพหน้าจอ บันทึกออกมาเป็นไฟล์รูปภาพในขนาดต่างๆ หรือ ตระกูลต่างๆ ได้หลากหลายขณะนี้มีผู้ใช้มากกว่าล้านคนจากทั่วโลกโปรแกรม WinSnap นี้คุณสามารถเลือกพื้นที่บนหน้าจอได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็น จับภาพหน้าจอ ทั้งหน้าจอ(เต็มจอ - Full Screen) หรือจะจับภาพเฉพาะโปรแกรม เฉพาะหน้าต่าง หรือเฉพาะพื้นที่ที่กำหนดได้เอง สะดวกสบายมากๆ เหมาะไปใช้สำหรับ ทำคู่มือการใช้งานโปรแกรม เว็บไซต์ หรือ ระบบต่างๆ ทำสื่อนำเสนอผลงาน (Presentation) ที่ต้องจับภาพหน้าจอจากเว็บเพจ เว็บไซต์ต่างๆ ไปนำเสนอแก่ลูกค้า ลูกศิษย์ หรือ อาจารย์ เป็นต้น และนอกจากนี้โปรแกรมนี้ยังมีความสามารถในการแต่งภาพ เล็กๆ น้อยๆ พอหอมปากหอมคอ พอสวยได้ ไม่แพ้โปรแกรมแต่งภาพ ชื่อดังของโลกหลายๆ โปรแกรมอีกด้วย

5.โปรแกรมแต่งภาพ




PhotoScape 


(โปรแกรมทํากรอบรูปภาพฟรี ทํากรอบรูปเองง่ายๆ) : สำหรับโปรแกรม PhotoScape จัดถือเป็นโปรแกรมประเภท โปรแกรมแต่งรูป ที่สามารถจัดการรูปถ่ายได้ง่ายๆ มีความสามารถของ โปรแกรมทํากรอบรูป เจ๋งๆ แจกฟรี ให้คุณได้ไป ทํากรอบรูปเองง่ายๆ ทำกรอบรูปเก๋ๆ โดย โปรแกรมแต่งรูป PhotoScape ตัวนี้ออกแบบมาเอาใจคนที่ชอบถ่ายรูปแล้วโหลดลงคอมเป็นชีวิตจิตใจ ซึ่ง PhotoScape มาพร้อมกับฟังก์ชั่นต่างๆ ครบครันสำหรับจัดการรูปภาพ และ โปรแกรมแต่งรูป PhotoScape มีฟังก์ชั่นทำกรอบรูปสวยๆ ให้เลือกใส่อีกหลายๆ แบบอีกด้วย ใช้งานก็ง่าย เหมือนกับร้านอัดรูปเลย




ACDSee Photo Editor 6 

เป็นซอฟต์แวร์ที่สมบูรณ์แบบสำหรับการสร้างภาพถ่ายของคุณให้ดูที่น่าตื่นตาตื่นใจ สามารถแก้ไขและสร้างภาพ โดยการเพิ่มข้อความเวกเตอร์และรูปทรงได้อย่างรวดเร็ว สำหรับใช้ในการ์ด, อัลบั้ม, และปฏิทินของลูกๆ, เพื่อน, ครอบครัว, และเหตุการ์ที่น่าประทับใจสำหรับทุกๆ คนเพื่อแบ่งปันภาพถ่ายและความทรงจำของคุณไปยัง Facebook, Twitter และอีเมล์หรือเชิญทุกคนที่จะดูภาพถ่ายและอัลบั้มของคุณ สำหรับเวอร์ชั่นล่าสุด ACDSee Photo Editor 6.0.313 ได้มีการแก้ไขฟีเจอร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของ LCE ที่ใช้การควบคุมของความสว่างและความคมชัดในภาพถ่ายของคุณ และเพิ่มประสิทธิภาพความคมชัด Brightening สำหรับการแก้ไขหรือปรับเส้นโค้ง ทำให้คุณสามารถปรับความคมชัดหรือเพิ่มเติมไฟสว่างบริเวณที่มืดได้, แก้ไขแสงอย่างรวดเร็วและง่ายดายทำให้ภาพถ่ายดูดีขึ้นทันที

4.โปรแกรมตัดต่อ



Audacity

ถ้าเราอยากตัดต่อคลิปวีดัโอและริงโทนด้วยตัวเอง ก็สามารถทำได้ไม่ยากเพราะปัจจุบันโปรแกรมที่ใช้ในการตัดต่อคลิปวีดีโอนั้นมีให้เลือกมากมายหลายโปรแกรมด้วยกัน และโปรแกรมเหล่านั้นก็สามารถใช้งานได้ง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก อย่างเช่น โปรแกรมAudacity เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถหลากหลายไม่ว่าจะเป็นการตกแต่งเสียง, ควบคุมเสียง, ต้ดต่อเสียง และปรับแต่งเสียงด้วย effact ซึ่งมีมากับโปรแกรม เป็นต้น โปรแกรม Audacity ตัวนี้สามารถจัดการไฟล์เสียงที่มีฟอร์แมต AIFF, MP3, OGG และ WAV นอกจากนั้นโปรแกรมนี้ยังเปิดให้ดาวน์โหลดใช้งานได้ฟรีอีกด้วย 


   

Ulead Video Studio  
 โปรแกรมตัดต่อวีดีโอ อัพเดทเวอร์ชันใหม่ล่าสุด Ulead Video Studio 11.5 ตัวโปรแกรมสามารถที่จะสร้างวีดีโอ VDO เองได้ง่าย ๆ ได้เหมือนกับผู้ที่มีประสบการณ์ตัดต่อวีดีโอมานาน โปรแกรมนี้มีเครื่องมือต่างๆ สำหรับตัดต่อวีดีโออย่างครบถ้วนสมบูรณ์มากที่สุดโปรแกรมหนึ่ง เริ่มตั้งแต่จับภาพเคลื่อนไหวจากกล้องเข้าคอมพิวเตอร์ ตัดต่อวีดีโอ ใส่เอ็ฟเฟ็กต์ต่างๆ แทรกดนตรีประกอบ แทรกคำบรรยาย ไปจนถึงบันทึกวีดีโอที่ตัดต่อกลับลงเทป, VCD, DVD


3. โปรแกรมแปลงไพล์


โปรแกรมแปลงไฟล์ Format Factory

Format Factory (โปรแกรมแปลงไฟล์ แปลงภาพ แปลงเพลง แปลงวีดีโอ ตามต้องการ) 

 สำหรับโปรแกรม Format Factory เป็นรวมฮิตหรือ โปรแกรมแปลงไฟล์ ทั้ง แปลงภาพ แปลงเพลง และ แปลงวีดีโอ เอาเข้าไว้ด้วยกัน โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้สามารถจัดการได้หมด อย่างเช่นไฟล์ VDO ก็สามารถแปลงไปมาได้ทั้ง MP4/ 3GP/ MPG/ AVI/ WMV/ FLV/ SWF ไฟล์ เพลง ก็ MP3/ WMA/ MMF/ AMR/ OGG/ M4A/ WAV
หากมาดูในส่วนของ การแปลงรูปภาพ โปรแกรมแปลงไฟล์ ของโปรแกรม Format Factory ก็ไม่น้อยหน้าทั้ง JPG/BMP/PNG/TIF/ICO ได้หมด เท่านั้นยังไม่พอ โปรแกรมแปลงไฟล์ ตัวนี้ยังทำการ Rip ไฟล์จากแผ่น CD เพลงมาเป็น MP3 ก็ยังทำได้ หรือจะจากแผ่น DVD มาทำเป็นไฟล์ VDO ตามต้องการจะเอาไปลงมือถือรุ่นไหนก็ยังเลือกได้



Super File Splitter (โปรแกรม ตัดต่อไฟล์)  

Super File Splitter คือโปรแกรม Split/Join ไฟล์ โดยจะ Split ไฟล์ ตัดแบ่งไฟล์เป็นหลายๆ ส่วน แล้วสามารถนำชิ้นส่วนไฟล์เหล่านั้นมา Join รวมกันเป็นไฟล์เดียวที่เหมือนไฟล์ต้นฉบับได้ในภายหลัง
การตัดแบ่งไฟล์เป็นหลายๆ ส่วนเช่นนี้ เหมาะสำหรับการโอนถ่ายข้อมูล ในกรณีที่ไฟล์มีขนาดใหญ่เกินไป ยกตัวอย่าง เช่น การตัดแบ่งไฟล์ให้มีขนาดไม่เกิน 1.44MB เพื่อนำไปใช้โอนถ่ายข้อมูลบนแผ่น Diskette 1.44MB การตัดแบ่งไฟล์ให้มีขนาดไม่เกิน 128MB เพื่อนำไปใช้โอนถ่ายข้อมูลบน Flash Drive ความจุ 128MB การตัดแบ่งไฟล์ให้มีขนาดไม่เกิน 1MB เพื่อนำไป Upload ในการแนบไฟล์ไปกับ E-Mail
นอกจากนี้ การตัดแบ่งไฟล์ ยังมีประโยชน์ในการกระจายความเสี่ยงต่อความเสียหายของข้อมูล ในกรณีที่ข้อมูลนั้นๆ สามารถใช้การได้ แม้จะเกิดความเสียหายในบางส่วนก็ตาม เช่น ไฟล์ Audio, Video และข้อมูลนั้นๆ ถูก Split ตัดแบ่งเป็นหลายๆ ไฟล์ และถูกบันทึกในวัสดุที่อาจเกิดความเสียหายเล็กๆ น้อยๆ ขึ้นมาได้ เช่น แผ่น CD นั่นหมายความว่า หากมีบางไฟล์เกิดความเสียหายจนใช้การไม่ได้ ก็ยังสามารถนำไฟล์ที่เหลือมา Join รวมกันได้ ...
Super File Splitter สามารถ Split/Join ไฟล์ได้หลายไฟล์ในการทำงานเพียงรอบเดียว โดยในการ Split สามารถเลือกได้ว่าจะ Split ให้แต่ละไฟล์มีขนาดเท่าใด หรือจะ Split ตัดแบ่งไฟล์เป็นกี่ไฟล์ ส่วนในการ Join สามารถเลือกได้ว่าจะ Join ชิ้นส่วนไฟล์ของแต่ละไฟล์ หรือจะ Join เฉพาะไฟล์ที่เลือกมาเท่านั้น ...
Super File Splitter สามารถ Encrypt/Decrypt หรือ เข้ารหัส/ถอดรหัส ไฟล์ ที่ถูก Split/Join เป็นการปกป้องข้อมูล ทำให้ข้อมูลในไฟล์นั้นๆ มีความปลอดภัยจากบุคคลอันไม่พึงประสงค์อีกด้วย ...
Super File Splitter ยังมีโปรแกรม Utility เล็กๆ คือ Mini File Extracter ที่สามารถ Copy ข้อมูลบางส่วนของไฟล์ได้ เหมาะสำหรับใช้กู้ข้อมูลในกรณีที่ไฟล์เกิดความเสียหายบางส่วน และเหมาะสำหรับการ Copy ข้อมูลบางส่วนของไฟล์ ในกรณีที่รู้ว่าข้อมูลที่ต้องการอยู่ในตำแหน่งใดในไฟล์นั้นๆ ...

โปรแกรมบีบอัดข้อมูล 1 - โปรแกรมจักชดการเอกสาร 2


โปรแกรม Winzip เป็นโปรแกรมสำหรับลดขนาดไฟล์ ให้มีขนาดเล็กกลง ถ้าคุณ Download ไฟล์ต่าง ๆ จากเน็ตมาจะเห็นได้ว่าไฟล์ส่วนใหญ่จะ Zip เพื่อความเร็วในการโหลด ซึ่งการใช้งานคุณต้องคลาย Zip ออกก่อนจึงจะสามารถใช้ได้ ในที่นี้นะครับผมจะแนะนำแบบง่ายที่สุดแต่ได้ผลครับ มาเริ่มกันเลยครับ

วิธีคลาย Zip
1. ให้คุณสร้างโฟลเดอร์ขึ้นมา 1 โฟลเดอร์จะตั้งชื่อว่าอะไรก็ได้แล้ว Copy ไฟล์ Zip ที่ต้องการคลายไปไว้ในนั้น
2 ให้คลิกขวาไฟล์ที่ต้องคลาย Zip แล้วเลือก Winzip > Extract to here



3. จะเห็นได้ว่ามีไฟล์ต่าง ๆ ปรากฎขึ้นมา แสดงว่าการคลายเสร็จสมบูรณ์แล้ว สามารถนำไฟล์ต่าง ๆ ไปใช้ได้ตามปกติ



การ Zip ไฟล์
หลังจากรู้วิธีคลายแล้วมาเรียนรู้การ Zip บ้าง ซึ้งก็ไม่ยากครับ มีวิธีการดังนี้
1. ให้คลิกขวาไฟล์ที่ต้องการ Zip แล้งเลือก Winzip > Add to (จะตามด้วยชื่อไฟล์ที่คุณต้องการ Zip) ในที่นี้ผมจะ Zip โฟลเดอร์ที่ชื่อว่า asp2 จึงขึ้นมาว่า Add to asp2.zip








2. เพียงเท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ จะเห็นได้ว่ามีไฟล์ asp2.zip แล้ว



โปรแกรมนี้มีการสร้างไฟล์บีบอัดที่จะแตกต่างจากโปรแกรมอื่นๆ บ้าง คือโปรแกรมอื่นๆ เวลาจะสร้างไฟล์บีบอัด ก็จะต้องตั้งชื่อไฟล์เลือกโฟลเดอร์ที่จะเก็บก่อน แล้วจึงเลือกไฟล์ที่จะบีบอัดเข้าไปภายหลัง แต่โปรแกรม WinRAR นี้จะให้เลือกไฟล์ต่างๆ ที่จะบีบอัดก่อน จากนั้นจึงตั้งชื่อไฟล์และเลือกโฟลเดอร์ที่จะเก็บไฟล์ในภายหลัง
ในการสร้างไฟล์บีบอัดนั้น
  1. เลือกไฟล์ที่ต้องการจะบีบอัด ให้ไปยังโฟลเดอร์และเลือกไฟล์ที่ต้องการ โดยคลิกตามหมายเลข 1 แล้วเลือกไดรฟ์และโฟลเดอร์ที่ต้องการ เมื่อเลือกแล้ว ตรงกลางหน้าต่างของโปรแกรมก็จะแสดงรายชื่อไฟล์และโฟลเดอร์ของโฟลเดอร์ที่เลือก
  2. เลือกไฟล์/โฟลเดอร์ที่ต้องการ หากเป็นการเลือกไฟล์เดียวให้คลิกที่ไฟล์ แต่หากต้องการหลายๆ ไฟล์แยกกัน ให้กดปุ่ม Ctrl ค้างไว้แล้วใช้เม้าส์คลิกเลือกไฟล์ที่ต้องการ หรือในกรณีที่ต้องการเลือกไฟล์ที่ที่ต่อเนื่องกันเช่นไฟล์ที่ 1 ถึงไฟล์ที่ 10 ให้คลิกไฟล์ที่ 1 แล้วกดปุ่ม Shift ค้างไว้ คลิกที่ไฟล์ที่ 10
  3. เพิ่มไฟล์เข้าไปยังไฟล์บีบอัด คลิกขวาในหน้าต่างเลือกไฟล์ แล้วเลือก "เพิ่มไฟล์เข้าเอกสาร" หรือ คลิกปุ่ม "เพิ่ม" บนแถบเครื่องมือ
แท็บทั่วไป ในช่อง ชื่อเอกสาร คือชื่อไฟล์บีบอัดที่กำลังจะสร้างขึ้นมาโดยบรรจุไฟล์/โฟลเดอร์ต่างๆ ที่ได้เลือกไว้ก่อนหน้านี้ เราสามารถที่จะเปลี่ยนชื่อไฟล์ได้ตามต้องการ โดยปกติแล้วการสร้างไฟล์บีบอัดนี้จะสร้างเก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับไฟล์ที่เลือก แต่หากประสงค์จะเก็บไว้ที่อื่น ให้คลิกปุ่ม "สืบค้น" แล้วเลือกโฟลเดอร์ที่ต้องการเก็บไฟล์
รูปแบบของเอกสาร เลือกเอาว่าจะต้องการไฟล์ชนิดใด .rar หรือ .zip
วิธีการบีบอัดข้อมูล นั้นมีหลายรูปแบบ คือ เก็บเฉยๆ, เร็วที่สุด, เร็ว, ปกติ, ดี, ดีที่สุด แบบเก็บเฉยๆ เป็นการรวมไฟล์ให้อยู่ในไฟล์เดียวกันเท่านั้นไม่ได้มีการบีบอัดข้อมูลให้เล็กลงแต่อย่างใด ในรูปแบบถัดไปจะเป็นการเรียงลำดับจากการบีบอัดอย่างรวดเร็วไปหาช้า แต่จะเรียงลำดับจาก บีบอัดได้น้อยที่สุดไปหามากที่สุด นั่นหมายความว่า การบีบอัดอย่างรวดเร็วจะใช้เวลาน้อย แต่บีบอัดได้มากที่สุด จะใช้เวลามากที่สุดเช่นกัน ก็เลือกตามความเหมาะสมที่ต้องการ
แยกไฟล์เป็นส่วนๆ , ไบท์ หากไฟล์มีขนาดใหญ่ คุณอาจจะต้องการที่จะแบ่งออกเป็นส่วนๆ เพื่อสะดวกในการเก็บบนไดรฟ์ปลายทาง โปรแกรมนี้ก็มีฟังก์ชั่นสำหรับแยกไฟล์ออกเป็นส่วนๆ คุณสามารถป้อนจำนวนตัวเลขที่คุณต้องการได้ โดยตัวเลขที่ป้อนจะมีหน่วยเป็นไบท์ เช่นป้อน 1000000 หมายถึงให้แยกไฟล์ออกเป็นส่วนๆ ส่วนละ 1000000 ไบท์ และคุณสามารถใส่ตัวอักษรไว้ท้ายตัวเลขได้ 10000k
ตัวอักษรที่สามารถใส่เพิ่มได้คือ
  • k หมายถึง กิโลไบท์ (หารไบท์ด้วย 1024)
  • K หมายถึง กิโลไบท์ (หารไบท์ด้วย 1000)
  • m หมายถึง เมกะไบท์
  • M หมายถึง ล้านไบท์
  • g หมายถึง กิกะไบท์
  • G หมายถึง พันล้านไบท์
หรือคุณอาจจะให้โปรแกรมตรวจสอบสื่อโดยอัตโนมัติก็ได้
วิธีการอัพเดท เป็นรูปแบบในการเพิ่มไฟล์เข้าไปในไฟล์บีบอัด
  • เพิ่มและแทนที่ไฟล์ หมายถึง เพิ่มรายชื่อไฟล์ที่เลือกเข้าไปยังไฟล์บีบอัด หากไฟล์ที่เลือกไว้มีชื่อเหมือนกับไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัด ก็จะใช้ไฟล์ที่เลือกไว้เขียนทับไฟล์ในไฟล์บีบอัด ไม่ว่าไฟล์นั้นจะมีวันที่ล่าสุดหรือไม่
  • เพิ่มและอัพเดทไฟล์ หมายถึง เพิ่มรายชื่อไฟล์ที่เลือกเข้าไปยังไฟล์บีบอัด หากไฟล์ที่เลือกไว้มีชื่อเหมือนกับไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัด ก็จะเปรียบเทียบกันว่าไฟล์ใดใหม่กว่ากัน หากไฟล์ที่เลือก มีวันที่ใหม่กว่า ก็จะเขียนทับไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัด หากไฟล์ที่เลือกมีวันที่เก่ากว่า ไฟล์นั้นก็จะไม่ถูกบีบเข้าไปในไฟล์บีบอัด
  • ทำให้ใหม่เฉพาะไฟล์ที่มีอยู่แล้วเท่านั้น หมายถึง การเพิ่มเฉพาะไฟล์ที่มีชื่อเหมือนกับไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัด และต้องมีวันที่ใหม่กว่าไฟล์ที่อยู่ในไฟล์บีบอัดด้วย หากไฟล์ที่เลือกนั้น ไม่มีชื่อนี้อยู่ในไฟล์บีบอัด หรือมีชื่อเหมือนกันแต่วันที่เก่ากว่า ก็จะไม่ถูกบีบอัด การใช้ตัวเลือกนี้เหมาะสำหรับการสำรองข้อมูลที่ให้ปรับปรุงเฉพาะข้อมูลที่มีอยู่แล้วแต่วันที่ใหม่กว่า เพื่อประหยัดเวลาในการอัพเดทข้อมูล เช่นมีไฟล์ documents.rar ในไฟล์นี้มี qmd1.doc, qmd2.doc, qmd3.doc มีการเลือกไฟล์ person1.doc, person2.doc และ qmd3.doc เพื่อที่จะบีบอัดเข้าไปในไฟล์ documents.rar เมื่อบีบอัด ไฟล์ qmd3.doc ที่เลือกไว้มีชื่อเหมือนกับไฟล์ qmd3.doc ที่มีอยู่ในไฟล์ documents.rar โปรแกรมจะตรวจสอบว่าไฟล์ที่เลือกเข้ามานั้นใหม่วันที่ใหม่กว่าไฟล์ที่มีอยู่หรือไม่ หากใหม่กว่า ก็จะบีบอัดเข้าไป หากเก่ากว่าก็จะไม่บีบอัด ส่วนไฟล์อื่นๆ ที่ไม่มีชื่อเหมือนกับไฟล์ที่อยู่ในไฟล์บีบอัดนั้น คือ person1.doc และ person2.doc ไฟล์ทั้งสองนี้จะไม่ถูกบีบอัดเข้าไปด้วย
  • ซิงโครไนซ์ไฟล์ในเอกสาร หมายถึง เพิ่มไฟล์ที่เลือกเข้าไปยังไฟล์บีบอัด หากไฟล์ที่เลือกมีชื่อเดียวกับไฟล์ในไฟล์บีบอัดและมีวันที่ใหม่กว่า ก็จะเขียนทับไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัด หากมีวันที่เก่ากว่าก็จะไม่ถูกบีบอัดเข้าไป และลบไฟล์ที่มีอยู่ในไฟล์บีบอัดทั้งหมดที่ไม่มีชื่อเหมือนกับไฟล์ที่เลือกไว้ เช่น เลือกไฟล์ a.doc ไว้และต้องการเพิ่มในไฟล์ documents.rar แต่ในไฟล์ documents.rar นั้นมีไฟล์ 1.doc, 2.doc, 3.doc อยู่ เมื่อบีบอัด ไฟล์ a.doc จะถูกบีบอัดเข้าไปในไฟล์ documents.rar แต่ไฟล์ 1.doc, 2.doc, 3.doc ใน documents.rar จะถูกลบทั้งหมด(ใช้ได้เฉพาะไฟล์ .rar เท่านั้น)
ตัวเลือกการสร้างเอกสารนั้น ตัวเลือกต่างๆ มีความหมายในตัวอยู่แล้ว หากท่านใดที่ต้องการสร้างไฟล์ที่บีบอัดแล้วและไม่ต้องการใช้ WinRAR ช่วยในการขยายไฟล์อีก คือต้องการสร้างไฟล์ที่จะขยายด้วยตัวมันเองไม่ต้องพึ่งโปรแกรมภายนอกให้ยุ่งยาก แนะนำให้ทำเครื่องหมายถูกหน้า "สร้างเอกสารแบบ SFX" นามสกุลของไฟล์ที่ได้จะเป็น .exe แทนที่จะเป็น .zip หรือ .rar เมื่อดับเบิ้ลคลิกที่ไฟล์ ก็จะขยายไฟล์ต่างๆ ที่อยู่ภายในไปยังโฟลเดอร์ที่ระบุได้
ในกรณีที่ต้องการล็อคไฟล์ด้วยรหัสผ่าน คลิกแท็บแอดวานซ์ คลิกปุ่ม "ตั้งรหัสผ่าน"
ตั้งรหัสที่ต้องการในช่อง "ใส่รหัสผ่าน" แล้วคลิกปุ่ม "ตกลง"
หากต้องการเพิ่มเติมไฟล์ที่จะบีบอัดอีก หรือตั้งค่าตัวเลือกเกี่ยวกับไฟล์ ให้คลิกแท็บไฟล์ แล้วคลิกปุ่ม "ต่อท้าย" ในช่องไฟล์ที่จะเพิ่ม เลือกไฟล์ที่จะเพิ่มเติมจากไฟล์ที่ได้เลือกไว้อยู่แล้ว
ในกรณีที่ต้องการใส่คำอธิบายเกี่ยวกับไฟล์บีบอัดนี้ว่า เป็นไฟล์เกี่ยวกับอะไร สร้างวันไหน หรือข้อมูลอื่นๆ เกี่ยวกับไฟล์นี้ ให้คลิกที่แท็บ คำอธิบาย แล้วพิมพ์คำอธิบายในช่องด้านล่าง
เมื่อตั้งค่าต่างๆ เสร็จแล้ว ให้คลิกปุ่ม OK เพื่อเริ่มดำเนินการบีบอัดไฟล์
โปรแกรมกำลังบีบอัดข้อมูล
หลังจากที่ได้บีบอัดข้อมูลเสร็จแล้วและต้องการดูข้อมูลต่างๆ ไปยังโฟลเดอร์ที่เก็บไฟล์ แล้วดับเบิ้ลคลิก ก็จะเห็นข้อมูลต่างๆ ที่ถูกบีบอัด

Foxit Reader เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อให้สามารถเปิดอ่านไฟล์ PDF ได้อย่างรวดเร็ว โปรแกรมมีขนาดเล็กแต่เต็มเปี่ยมด้วยความสามารถ สามารถใช้แทนโปรแกรมอย่าง Adobe Reader ได้ทันที ซึ่งหลายคนน่าจะเจอปัญหากับ Adobe Reader ที่มีขนาดโปรแกรมใหญ่ แถมทำงานช้าและแฮ็งให้เสียอารมณ์อยู่บ่อยๆ เนื่องจากโปรแกรมนี้มีขนาดเล็ก ทำให้โปรแกรมทำงานได้เร็วกว่าอย่างมาก แถมยังทำงานได้ค่อนข้างเสถียร ไม่มีอาการงอแงให้เสียอารมณ์ ในเวอร์ชั่นอัพเดทก็มีการเพิ่มการรองรับของ DocuSign ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่เกี่ยวกับการกรอกแบบฟอร์มบนไฟล์ PDF ทำให้ผู้ใช้สามารถเซ็นเอกสารและแชร์เอกสารกับผู้ร่วมงานได้อย่างรวดเร็ว



FinePrint ช่วยให้คุณสามารถพิมพ์สมุดคู่มือสร้างจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ตัวอย่างก่อนพิมพ์, พิมพ์หลายหน้าลงบนแผ่น, ซ้อนลายน้ำและอื่น ๆ อีกมากมาย นอกจากการใช้ประโยชน์อื่น ๆ อีกมากมายก็มีการสนับสนุนที่ยอดเยี่ยมสำหรับการพิมพ์หน้าเว็บที่คุณสามารถดูตัวอย่างการพิมพ์ออกรวมหลายหน้าไว้ในที่เดียวหรือลบรายการที่คุณ Don t ต้องการพิมพ์ ตัวอย่างเช่นถ้าคุณเดินทางคุณจะต้องพิมพ์ออกมาจองการเดินทางโรงแรมและรถของคุณแผนที่ใด ๆ ที่คุณต้องการและบางทีอาจจะเป็นรายชื่อของร้านอาหารและสถานที่น่าสนใจ ซึ่งหมายความว่าการพิมพ์จำนวนมากของหน้าเว็บและการดำเนินการให้กับคุณ กับ FinePrint มันง่ายที่จะรวบรวมหน้าเว็บของคุณบันทึกไว้และจัดเรียงไว้ในลำดับที่คุณต้องการ เมื่อชุดของหน้าเว็บพร้อมที่จะไปพิมพ์พวกเขาออกเป็นหนังสือเล่มเล็กที่สะดวกหรือรวมตัวอย่างของข้อมูลในหน้าเดียวแทนที่จะสแต็คที่ทำจากกระดาษที่มีข้อมูลที่ไม่จำเป็นส่วนใหญ่



วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ไวรัส & แอนตี้ไวรัส


บูตไวรัส
บูตไวรัส (boot virus) คือไวรัสคอมพิวเตอร์ที่แพร่เข้าสู่เป้าหมายในระหว่างเริ่มทำการบูตเครื่อง ส่วนมาก มันจะติดต่อเข้าสู่แผ่นฟลอปปี้ดิสก์ระหว่างกำลังสั่งปิดเครื่อง เมื่อนำแผ่นที่ติดไวรัสนี้ไปใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องอื่นๆ ไวรัสก็จะเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ตอนเริ่มทำงานทันที

บูตไวรัสจะ ติดต่อเข้าไปอยู่ส่วนหัวสุดของฮาร์ดดิสก์ ที่มาสเตอร์บูตเรคคอร์ด (master boot record) และก็จะโหลดตัวเองเข้าไปสู่หน่วยความจำก่อนที่ระบบปฏิบัติการจะเริ่มทำงาน ทำให้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ไฟล์ไวรัส
ไฟล์ไวรัส (file virus) ใช้เรียกไวรัสที่ติดไฟล์โปรแกรม เช่นโปรแกรมที่ดาวน์โหลดจากอินเทอร์เน็ต นามสกุล.exe โปรแกรมประเภทแชร์แวร์เป็นต้น

มาโครไวรัส
มาโครไวรัส (macro virus) คือไวรัสที่ติดไฟล์เอกสารชนิดต่างๆ ซึ่งมีความสามารถในการใส่คำสั่งมาโครสำหรับทำงานอัตโนมัติในไฟล์เอกสารด้วย ตัวอย่างเอกสารที่สามารถติดไวรัสได้ เช่น ไฟล์ไมโครซอฟท์เวิร์ด ไมโครซอฟท์เอ็กเซล เป็นต้น

หนอน
หนอน (Worm) เป็นรูปแบบหนึ่งของไวรัส มีความสามารถในการทำลายระบบในเครื่องคอมพิวเตอร์สูงที่สุดในบรรดาไวรัสทั้ง หมด สามารถกระจายตัวได้รวดเร็ว ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งสาเหตุที่เรียกว่าหนอนนั้น คงจะเป็นลักษณะของการกระจายและทำลาย ที่คล้ายกับหนอนกินผลไม้ ที่สามารถกระจายตัวได้มากมาย รวดเร็ว และเมื่อยิ่งเพิ่มจำนวนมากขึ้น ระดับการทำลายล้างยิ่งสูงขึ้น
อื่นๆ

โทรจัน
ม้า โทรจัน (Trojan) คือโปรแกรมจำพวกหนึ่งที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อแอบแฝง กระทำการบางอย่าง ในเครื่องของเรา จากผู้ที่ไม่หวังดี ชื่อเรียกของโปรแกรมจำพวกนี้ มาจากตำนานของม้าไม้แห่งเมืองทรอยนั่นเอง ซึ่งการติดนั้น ไม่เหมือนกับไวรัส และหนอน ที่จะกระจายตัวได้ด้วยตัวมันเอง แต่โทรจัน (คอมพิวเตอร์)จะถูกแนบมากับ อีการ์ด อีเมล์ หรือโปรแกรมที่มีให้ดาวน์โหลดตามอินเทอร์เน็ตในเว็บไซต์ใต้ดิน และสุดท้ายที่มันต่างกับไวรัสและเวิร์ม คือ มันจะสามารถเข้ามาในเครื่องของเรา โดยที่เราเป็นผู้รับมันมาโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง

1. AVG Antivirus Free Edition 2011: เป็นโปรแกรมที่สามารถป้องกันไวรัสและสปายแวร์ ตัวใหม่ๆ ได้ เช่น ไวรัสที่มากับ E-mail เพราะทุกวันนี้ไวรัสและสปายแวร์จะมีการอัพเดทความสามารถในการทำลายอยู่ตลอด ดังนั้นเราก็ควรอัพเดทโปรแกรมที่มีอยู่และอัพเดทเวอร์ชั่นใหม่ๆ ของโปรแกรมอยู่ตลอดนะจ๊ะ ถ้ายังไม่มีโปรแกรมสแกนไวรัส ลองใช้โปรแกรมที่ติดอันดับต้นๆ ของการดาวน์โหลดอย่าง AVG Antivirus Free Edition 2011

2. Avira AntiVir Personal Free Edition: สามารถกำจัดไวรัสได้มากว่า 300,000 ชนิด มีการอัพเดท ข้อมูลไวรัสในเครื่องของเราแบบอัตโนมัติ ทำให้โปรแกรมไม่ล้าหลัง และตามไวรัสตัวใหม่ๆ ได้ทัน โปรแกรมนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ต และชอบดาวน์โหลด ทั้งหลาย แต่บางทีเวลาที่เราสแกน โปรแกรมก็ชอบลบข้อมูลบางอย่างออกไปด้วย และไม่ค่อยซับพอร์ตโปรแกรมอื่นเท่าไหร่
3. Avast Free Antivirus: สามารถป้องกันไวรัส Spyware หรือ Malware ต่าง ๆ ที่แฝงตัวมากับเว็บไซต์ไม่ให้เข้ามาทำร้ายข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราได้ การสแกนสามารถสแกนได้ทั้งไฟล์ที่อยู่ในเครื่องคอมพิวเตอร์ และสแกนขณะที่บู๊ตเครื่องก็ได้ค่ะ โดยโปรแกรมจะตรวจจับไวรัสและกำจัดไวรัสให้ทันทีที่พบ และในปัจจุบันโปรแกรมสามารถรองรับภาษาได้มากกว่า 19 ภาษา เป็นโปรแกรมที่มีขนาดเล็ก กระทัดรัด สามารถใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญไม่หนักเครื่องด้วย


วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

บทที่ 8 (flash Drive Printer Scaner)







flash driver
Flash Drive (หรือที่หลายคนเรียก Handy Drive, Thumb Drive, USB Drive)
เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการเก็บข้อมูลหรือไฟล์จากคอมพิวเตอร์ มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา สะดวกในการพกพาติดตัว แต่ในขณะเดียวกันมีความจุสูง สามารถเก็บข้อมูลได้จำนวนมากตั้งแต่ 2 GB ถึง 16 GB และขนาดความจุข้อมูลก็ได้รับการพัฒนาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แฟลชไดร์ฟ, แฮนดี้ไดร์ฟ เป็นอุปกรณ์นวัตกรรม IT ที่ในอนาคตทุกคนจะต้องมีและใช้ในชีวิตประจำวันอยู่ตลอดเวลา เพราะมีคุณสมบัติที่โดดเด่นตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน และมีประโยชน์ที่สำคัญที่สุดคือ:

• ความจุข้อมูลสูง ตั้งแต่ 2 GB ถึง 16 GB
• ใช้เก็บข้อมูลได้ทุกประเภท ทั้งไฟล์ข้อมูล, เอกสาร, พรีเซ็นเตชั่นสไลด์, เพลง MP3, รูปภาพดิจิตอล, วีดีโอ, และอื่นๆ
• สามารถใช้ได้ทันทีกับคอมพิวเตอร์และโน็ตบุ๊ค ทุกเครื่องทุกระบบ
• สามารถใช้ได้กับ Windows, Linux, Apple iMac, Apple iBook
• สะดวกในการใช้งาน เพียงแค่เสียบ Flash Drive เข้าช่องต่อ USB
• ใช้งานง่าย คุณสามารถทำการเขียน/อ่าน/ลบ/แก้ไข ข้อมูลในนั้นได้โดยตรงเหมือนกับฮาร์ดดิสไดร์ฟปกติ
• มีความทนทานสูง ทั้งภายในและภายนอก
• เป็นอุปกรณ์เก็บข้อมูลที่สร้างจากเทคโนโลยีที่มีความทนทานสูงที่สุดในปัจจุบัน Solid-State Storage Technology
• เวลาใช้งาน ข้อมูลของคุณจะปลอดภัยไม่ว่าจะเกิดการตกหล่น กระแทก หรือขูดขีด
• มีขนาดเล็ก บาง เบา สามารถพกติดตัวได้สะดวก
• ใช้เล่นเพลง MP3 ได้ (เฉพาะรุ่นที่มี MP3 Player)

การเลือกซื้อ
Thumb drive เป็นชื่อทางการค้า คุณสมบัติเหมือน CD-R, Floppy Disk, Hard Disk เป็นหน่วยความจำ ที่เสริมเข้าไปในคอมพิวเตอร์ทาง Port USB และถือเป็นการเก็บข้อมูลรูปแบบใหม่ คือไม่ ต้องมีตัว Drive ตัว Disk พกพาได้สะดวกมีขนาดเล็กเท่ากับหัวแม่มือ เป็นยุคแรกๆ ของอุปกรณ์จำพวก Flash Drive ความเร็วในการอ่าน เขียน ประมาณ 500KB/Sec มีความจุอยู่ระหว่าง 8 MB –1024MB ในปัจจุบันอาจมีมากขึ้น สำหรับราคาในยุคแรกๆ ราคาสูง ขนาดความจุน้อย
ที่มาคำว่า Handy drive
Handy drive เป็นชื่อทางการค้า คุณสมบัติและการทำงานเหมือน Flash drive แต่ที่เพิ่มขึ้นมาคือสามารถเล่นไฟล์ Mp3 ไฟล์วีดีโอ ไฟล์รูปภาพ ฟังวิทยุผ่านช่องเสียบหูฟัง และฟังก์ชันอื่นๆ ที่ผู้ผลิตจะใส่ ลงไป ใช้แบตเตอรี่มีทั้งแบบใช้ถ่าน AA , AAA หรือถ่านชาตร์ ซึ่งจะชาตร์ถ่านผ่านทาง Port USB รูปลักษณ์สวยงาม แต่มีขนาดใหญ่กว่า Flash drive เนื่องจากต้องใช้แบตเตอรี่ สำหรับราคาแพงกว่า Flash drive อยู่บ้างเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้งานที่หลากหลาย






printer

เครื่องพิมพ์ (Computer printer) เป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงที่จะผลิตข้อความและ/หรือกราฟิกของเอกสารที่เก็บไว้ในรูปแบบออกมาในสื่อทางกายภาพเช่นกระดาษหรือแผ่นใส
เครื่องพิมพ์ส่วนมากเป็นอุปกรณ์ต่อพ่วงทั่วไปและเชื่อมต่อด้วยสายเคเบิลเครื่องพิมพ์หรือในเครื่องพิมพ์รุ่นใหม่จะเป็นสาย เครื่องพิมพ์บางชนิดที่เรียกกันว่าเครื่องพิมพ์เครือข่าย(Network Printer) อินเตอร์เฟซที่ใช้มักจะเป็นและ/หรืออีเทอร์เน็ต
ประเภท
เครื่องพิมพ์เลเซอร์ (Laser printer หรือ Toner-based printers) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกับ คือยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษในการสร้างรูปภาพ หรือตัวอักษร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะมีคุณภาพสูงมาก และราคาเครื่องพิมพ์ก็มีราคาสูงมากด้วยเช่นกัน ซึ่งเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะทำงานได้เร็วกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก และคุณภาพของผลลัพธ์ทั้งด้านความคมชัดและรายละเอียดทำออกมาได้ดีกว่าแบบพ่นหมึกมากๆ
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก
เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึก หรือ เครื่องพิมพ์อิงก์เจ็ต (Inkjet Printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดยการพ่นหมึกออกมาเป็นหยดเล็กๆ ลงบนกระดาษ เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ เครื่องพิมพ์จะทำการพ่นหมึกออกตามแต่ละจุดในตำแหน่งที่เครื่องประมวลผลไว้อย่างแม่นยำ ตามความต้องการของเรา ซึ่งเครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะมีคุณภาพดีกว่าเครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ โดยรูปที่มีความซับซ้อนมาก ๆ เครื่องพิมพ์แบบพ่นหมึกจะได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า ชัดเจนและคมชัดกว่าแบบดอตแมทริกซ์
เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน
เครื่องพิมพ์แบบใช้ความร้อน (Thermal printer) เป็นเครื่องพิมพ์ที่ทำงานโดนการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่ต้องใช้หมึก เช่นแบบที่ใช้ในการพิมพ์ใบเสร็จจากเครื่องATM เครื่องคิดเงินในห้างสรรพสินค้าหรือร้านสะดวกซื้อ เครื่องคิดเลขแบบตั้งโต๊ะบางประเภท รวมถึงเครื่องโทรสารในสมัยก่อนก็ใช้ระบบการพิมพ์แบบนี้
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์
เครื่องพิมพ์ดอตแมทริกซ์ (Dot-matrix printer) การทำงานของเครื่องพิมพ์ประเภทนี้คือจะใช้การสร้างจุดลงบนกระดาษ ซึ่งหัวพิมพ์จะมีลักษณะเป็นหัวเข็ม เมื่อต้องการพิมพ์รูปทรงหรือรูปภาพใดๆ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งตามรูปประกอบนั้นๆ จะยื่นออกมามากกว่าหัวอื่นๆ และกระแทกกับผ้าหมึกลงกระดาษที่ใช้พิมพ์ จะทำให้เกิดจุดมากมายประกอบกันเป็นรูปเกิดขึ้นมา เครื่องพิมพ์ประเภทนี้เป็นที่นิยมกันอย่างมากเพราะมีราคาถูกและคุณภาพเหมาะสมกับราคา แต่ข้อเสียคือเวลาสั่งพิมพ์จะเกิดเสียดังพอสมควร มีแต่การพิมพ์แบบขาว-ดำเท่านั้น และต้องใช้กระดาษเฉพาะสำหรับเครื่องพิมพ์แบบนี้เท่านั้น โดยตัวกระดาษจะมี3ชั้น ชั้นแรกเป็นหน้าที่จะพิมพ์ปกติ ชั้นที่2เป็นไส้ในที่เป็นกระดาษคาร์บอนสีดำ และชั้นสุดท้ายเป็นกระดาษปกติสำหรับใช้สำหรับสำเนาสิ่งที่พิมพ์ ซึ่งสำเนาจากการพิมพ์ด้วยกระดาษแบบนี่เรียกว่า สำเนาคาร์บอน ด้านข้างกระดาษจะมีรูเป็นแถวตามยาวไว้สำหรับล็อกเข้ากับเขี้ยวของเฟืองที่เป็นส่วนหนึ่งของกลไกการป้อนกระดาษเข้าตัวเครื่องพิมพ์ประเภทนี้
พล็อตเตอร์
พล็อตเตอร์ (Plotter) เป็นเครื่องพิมพ์แบบที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลลงบนกระดาษ ซึ่งเครื่องพิมพ์ประเภทนี้เหมาะกับงานเขียนแบบของวิศวกรและสถาปนิก และเครื่องพิมพ์ประเภทนี้มีราคาแพงที่สุดในเครื่องพิมพ์ประเภทต่าง ๆ
การเลือกซื้อ
ความเร็วในการพิมพ์ ควรพิจารณาให้เหมาะสมกับการใช้งาน (เพราะยิ่งเร็วมากราคาจะเพิ่มขึ้น) ขนาดของกระดาษกับเครื่องพิมพ์ ส่วนใหญ่แล้วเครื่องพิมพ์เลเซอร์จะรองรับกระดาษขนาด A4 ความละเอียดของเครื่องพิมพ์ สำหรับการใช้พิมพ์ตัวอักษร เอกสารทั่วไป ความละเอียด 300 dpi ก็เพียงพอแล้ว ตลับหมึก ควรพิจารณาความสามารถในการพิมพ์ต่อแผ่น ต่อตลับ ต่อราคาตลับหมึก
ปัจจุบันเครื่องพิมพ์เลเซอร์สี มีราคาลดลงมากเมื่อเทียบกับเลเซอร์ขาวดำ ดังนั้น จึงอาจเป็นทางเลือกหนึ่งในการพิจารณาเลือกซื้อเลเซอร์ แต่ข้อย้ำอีกอย่างหนึ่งก็คือ เรื่องราคาตลับหมึก ควรพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อน


 

scanner
สแกนเนอร์ คืออุปกรณ์จับภาพและเปลี่ยนแปลงภาพ จากรูปแบบของแอนาลอกเป็นดิจิตอล ซึ่งคอมพิวเตอร์ สามารถแสดง, เรียบเรียง, เก็บรักษาและผลิตออกมาได้ ภาพนั้นอาจจะเป็นรูปถ่าย, ข้อความ, ภาพวาด หรือแม้แต่วัตถุสามมิติ
สแกนเนอร์แบ่งป็น 3 ประเภทหลัก ๆ คือ

1. สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)
2. สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
3. สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)

สแกนเนอร์ดึงกระดาษ (Sheet - Fed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะรับกระดาษแล้วค่อย ๆ เลื่อนหน้ากระดาษแผ่นนั้นให้ผ่านหัวสแกน ซึ่งอยู่กับที่ข้อจำกัดของสแกนเนอร์ แบบเลื่อนกระดาษ คือสามารถอ่านภาพที่เป็นแผ่นกระดาษได้เท่านั้น ไม่สามารถ อ่านภาพจากสมุดหรือหนังสือได้
สแกนเนอร์แท่นเรียบ (Flatbed Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้จะมีกลไกคล้าย ๆ กับเครื่องถ่ายเอกสาร เราแค่วางหนังสือหรือภาพไว้ บนแผ่นกระจกใส และเมื่อทำการสแกน หัวสแกนก็จะเคลื่อนที่จากปลายด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่ง ข้อจำกัดของสแกนเนอร์ แบบแท่นนอนคือแม้ว่าอ่านภาพจากหนังสือได้ แต่กลไกภายในต้องใช้ การสะท้อนแสงผ่านกระจกหลายแผ่น ทำให้ภาพมีคุณภาพไม่ดีเมื่อเทียบกับแบบแรก
สแกนเนอร์มือถือ (Hand - Held Scanner)
สแกนเนอร์แบบนี้ผู้ใช้ต้องเลื่อนหัวสแกนเนอร์ไป บนหนังสือหรือรูปภาพเอง สแกนเนอร์ แบบมือถือได้รวม เอาข้อดีของสแกนเนอร์ ทั้งสองแบบเข้าไว้ด้วยกันและมีราคาถูก เพราะกลไกที่ใช้ไม่ สลับซับซ้อน แต่ก็มีข้อจำกัด ตรงที่ว่าภาพที่ได้จะมีคุณภาพแค่ไหน ขึ้นอยู่กับความสม่ำเสมอ ในการเลื่อนหัวสแกนเนอร์ของผู้ใช้งาน นอกจากนี้หัวสแกนเนอร์แบบนี้ยังมีหัวสแกนที่มีขนาดสั้น ทำให้ อ่านภาพบนหน้าหนังสือขนาดใหญ่ได้ไม่ครบ 1 หน้า ทำให้ต้องอ่านหลายครั้งกว่าจะครบหนึ่งหน้า ซึ่งปัจจุบันมีซอฟต์แวร์หลายตัว ที่ใช้กับสแกนเนอร์ แบบมือถือ ซึ่งสามารถต่อภาพที่เกิดจากการสแกนหลายครั้งเข้าต่อกัน
ประเภทของภาพที่เกิดจากการสแกน แบ่งเป็นประเภทดังนี้

* ภาพ Single Bit
ภาพ Single Bit เป็นภาพที่มีความหยาบมากที่สุดใช้พื้นที่ในการเก็บข้อมูล น้อยที่สุดและ นำมาใช้ประโยชน์อะไรไม่ค่อยได้ แต่ข้อดีของภาพประเภทนี้คือ ใช้ทรัพยากรของเครื่องน้อยที่สุดใช้พื้นที่ ในการเก็บข้อมูลน้อยที่สุด ใช้ระยะเวลาในการสแกนภาพน้อยที่สุด Single-bit แบ่งออกได้สองประเภทคือ
Line Art ได้แก่ภาพที่มีส่วนประกอบเป็นภาพขาวดำ ตัวอย่างของภาพพวกนี้ ได้แก่ ภาพที่ได้จากการสเก็ต
Halftone ภาพพวกนี้จะให้สีที่เป็นโทนสีเทามากกว่า แต่โดยทั่วไปยังถูกจัดว่าเป็นภาพประเภท Single-bit เนื่องจากเป็นภาพหยาบๆ

* ภาพ Gray Scale
ภาพพวกนี้จะมีส่วนประกอบมากกว่าภาพขาวดำ โดยจะประกอบด้วยเฉดสีเทาเป็นลำดับขั้น ทำให้เห็นรายละเอียดด้านแสง-เงา ความชัดลึกมากขึ้นกว่าเดิม ภาพพวกนี้แต่ละพิกเซลหรือแต่ละจุดของภาพอาจประกอบด้วยจำนวนบิตมากกว่า ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมากขึ้น

* ภาพสี
หนึ่งพิกเซลของภาพสีนั้นประกอบด้วยจำนวนบิตมหาศาล และใช้พื้นที่เก็บข้อมูลมาก ควาามสามารถในการสแกนภาพออกมาได้ละเอียดขนาดไหนนั้นขึ้นอยู่กับว่าใช้ สแกนเนอร์ขนาดความละเอียดเท่าไร

* ตัวหนังสือ
ตัวหนังสือในที่นี้ ได้แก่ เอกสารต่างๆ เช่น ต้องการเก็บเอกสารโดยไม่ต้อง พิมพ์ลงในแฟ้มเอกสารของเวิร์ดโปรเซสเซอร์ ก็สามารถใช้สแกนเนอร์สแกนเอกสาร ดังกล่าว และเก็บไว้เป็นแฟ้มเอกสารได้ นอก จากนี้ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบันสามารถใช้ โปรแกรมที่สนับสนุน OCR (Optical Characters Reconize) มาแปลงแฟ้มภาพเป็น เอกสารดังกล่าวออกมาเป็นแฟ้มข้อมูลที่สามารถแก้ไขได้
เทคนิคการเลือกซื้อ

1. DPI (Dot Per Inch)
dot per inch จำนวนจุดต่อนิ้ว หมายความว่า จะ Scanner สามารถ Scan ในความละเอียดสูง ได้ และในเวลาอันสั้น หมายความว่า มีคุณภาพค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม ยิ่ง Scan ด้วยความละเอียดสูง จะทำให้ file ที่ได้มีขนาดใหญ่และช้ามากด้วย
2.การเชื่อมต่อ
เดิมการเชื่อมต่อจะใช้ SCSI card (ส่วนใหญ่ต้องซื้อเพิ่ม) เข้ามาเสริม เพื่อเพิ่มความเร็ว ปัจจุบันมักจะใช้ LPT หรือ USB มาเชื่อมต่อ แต่ก็ให้ความเร็วค่อนข้างดี
3. โปรแกรม
ควรมีโปรแกรมที่แถมมากับเครื่องเพื่อแก้ไขภาพ หรือถ้าต้องการ Scan ตัวอักษรแล้วต้องการแก้ไข ควรมีโปรแกรมประเภท OCR (OCR - Optical Character Recognition คือโปรแกรมที่สามารถเปลี่ยนข้อความที่เราสแกนเข้าไป เปลี่ยนเป็นข้อความที่สามารถแก้ไขได้โดยตรงด้วยโปรแกรมประเภท word)
4. ความสามารถพิเศษ
สามารถ Scan ฟิล์มสไลต์, ฟิล์มเนกะทีฟ, Scan 3D หรือ3 มิติ ได้หรือไม่

บทที่ 8 กล้องดิจิตอลกับเมมเมอร์รี่


กล้องดิจิตอลมีมากมายหลายประเภทแต่ถ้ายกเฉพาะที่ใช้กันแพร่หลายก็มีอยู่ 4 ประเภท

1.กล้องคอมแพค (Compact)
2.กล้อง DSLR
3.กล้อง DSLR-Like
4.กล้อง Mirrorless เช่น Micro 4/3

1.กล้องคอมแพค

กล้องประเภทนี้ หมายความรวมๆว่า "พกพาสะดวก" ฉะนั้น กล้องเล็กๆบางๆ หยิบพกสะดวก ก็เรียกว่าเป็นคอมแพคได้ทั้งนั้นส่วนใหญ่ถ่ายภาพออกมาชัดเจนพอจะล้างรูปขนาดจัมโบ้ได้ (4x6 นิ้ว) ... แต่ถ้ามากกว่านั้นความละเอียดก็จะลดลงตามลำดับราคาหลากหลาย มีตั้งแต่ถูกๆ ไม่แพงมาก และแพง

2.กล้อง DSLR (Digital Single Lens Reflex)

ถ้าแปลความหมาย จะแปลว่ากล้องสะท้อนเลนส์เดี่ยวแบบดิจิตอล
จำง่ายๆว่า "กล้องตัวดำๆใหญ่ๆ เปลี่ยนเลนส์ได้ ก็พอ(กล้องที่ไม่ดำ ไม่ใหญ่ เปลี่ยนเลนส์ได้ แต่ไม่ใช่ DSLR ก็มี ส่วนใหญ่ถ่ายภาพได้คมชัดกว่าคอมแพคและมีลูกเล่น ปรับโน่นปรับนี่ได้ ส่วนใหญ่พวกมืออาชีพ หรือคนที่ต้องการภาพที่สวยๆ จะใช้กล้องประเภทนี้ ราคาเมื่อเทียบกับคอมแพคก็มักจะแพงกว่า ถูกสุดก็ 1.5 หมื่นขึ้นไป

3.กล้อง DSLR-Like

กล้องนี้เป็นกล้อง "เหมือน DSLR" แต่ไม่ใช่ DSLR
คุณภาพกล้องสูสีกว่าคอมแพค บ้างก็ดีกว่า แต่ยังไม่เท่า DSLR ... เพียงแต่ปรับแต่งได้เยอะใกล้เคียง DSLR แต่ถอดเปลี่ยนเลนส์ไม่ได้มีลักษณะดำๆใหญ่ๆเหมือนกับ DSLR ราคาใกล้เคียงคอมแพครุ่นกลางๆ-รุ่นแพงๆ เหมาะกับคนที่ต้องการภาพที่ดีในระดับโอเคกว่าคอมแพค และไม่ต้องการพกอุปกรณ์เยอะแยะไปกว่ากล้องตัวใหญ่ๆตัวหนึ่ง

4.กล้อง Mirrorless เช่น Micro 4/3 หรือ Sony E-mount
ไม่แน่ใจว่ากล้องประเภทนี้จะก้าวเข้าสู่ตลาดกล้องได้ดีแค่ไหน แต่ ณ ปัจจุบันนี้ก็เปิดตัวได้แรงพอดูเป็นกล้องแบบเดียวกับ DSLR ต่างกันตรงไม่มีเลนส์สะท้อนเท่านั้นเอง ทำให้มีขนาดที่เล็กกว่า DSLR มาก ได้เปรียบเรื่องการพกพาที่ใกล้เคียงคอมแพคคุณภาพไฟล์รูปเท่ากับ DSLR (DSLR รุ่นล่างๆ-รุ่นกลางๆ) ... แต่ส่วนใหญ่จะบ่นๆกันเรื่องที่มันจับถือและปรับแต่งไม่ถนัดแบบ DSLR




ประเภทของเมมโมรี่กล้องถ่ายรูปดิจิตอล Memory Digital Camera



แผ่นบันทึกข้อมูล

เมื่อแสงตกลงบน Image Sensor จะเกิดสัญญาณไฟฟ้าขึ้นมา สัญญาณไฟฟ้าจะถูกเปลี่ยนเป็นข้อมูลดิจิตอลโดยการใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า Analog to Digital Converter จากนั้นข้อมูลดิจิตอลจะถูกปรับแต่งโดย Processorมีการปรับแต่งสีผิว ความเปรียบต่าง ความคมชัด ความอิ่มตัวของสีฯลฯ จากนั้นข้อมูลดิจิตอลจะถูกเก็บลงบนที่เก็บข้อมูล
กล้องดิจิตอลในยุคแรกๆ ไม่มีแผ่นเก็บข้อมูล การเก็บข้อมูลใช้เมมโมรี่ภายในตัวกล้อง ทำให้เกิดข้อจำกัดเรื่องจำนวนภาพที่ถ่ายได้หากพื้นที่เก็บข้อมูลในตัวกล้องเต็ม จะต้องถ่ายข้อมูลจากตัวกล้องเข้าที่เก็บ เช่น เชื่อมต่อกล้องเข้ากับคอมพิวเตอร์โดยใช้สาย Paralel Port จากนั้นโอนข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์แล้วล้างข้อมูลในตัวกล้องออก ถึงจะนำกล้องดิจิตอลมาถ่ายภาพต่อได้
เมื่อกล้องดิจิตอลมีความละเอียดมากขึ้น จาก 300,000 pixels สู่ 3,000,000 pixels ข้อมูลมีขนาดใหญ่ขึ้นและต้องใช้พื้นทีการเก็บภาพมากขึ้น มีการใช้กล้องดิจิตอลแทนกล้องฟิล์มดันอย่างแพร่หลาย จึงต้องออกแบบกล้องให้สามารถถ่ายภาพได้ไม่จำกัดจำนวน วิธีแก้ไขคือ การใช้แผ่นบันทึกข้อมูลแทนการบันทึกข้อมูลในตัวกล้อง เมื่อแผ่นบันทึกข้อมูลเต็มก็สามารถเปลี่ยนแผ่นบันทึกข้อมูลแผ่นใหม่เข้าไปต่อได้ทำให้สามารถถ่ายภาพได้จำนวนมากเหมือนการเปลี่ยนฟิล์มม้วนใหม่แผ่นบันทึกข้อมูลนี้ยังสามารถโอนข้อมูลไปยังคอมพิวเตอร์ลบภาพ และนำแผ่นกลับมาใช้ใหม่ได้นับจำนวนครั้งไม่ถ้วน ทำให้เกิดความสะดวกและประหยัดมากกว่า
นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถนำแผ่นบันทึกข้อมูลไปใช้กับคอมพิวเตอร์โดยตรง หรือผ่านตัวอ่านเพื่อโอนข้อมูลเข้าคอมพิวเตอร์โดยไม่ต้องนำตัวกล้องไปเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์สามารถส่งแผ่นบันทึกข้อมูลไปอัดขยายภาพได้โดยตรง และแผ่นบันทึกข้อมูลยังสามารถใช้ร่วมกับกล้องตัวอื่นๆ ได้อีกด้วยทั้งสะดวกและประหยัดแผ่นบันทึกข้อมูลเปรียบเสมือนฟิล์มถ่ายภาพ คือ ทำหน้าที่เก็บภาพถ่าย แต่ฟิล์มมีหน้าที่เป็น Image Sensorด้วย แผ่นบันทึกข้อมูลสำหรับกล้องดิจิตอลจะมีให้ใช้งานหลากหลายมากๆ แต่ละแบบจะมีความสามารถในการบรรจุข้อมูล ความเร็วในการอ่านและบันทึกข้อมูลแตกต่างกันส่งผลให้ความรวดเร็วในการถ่ายภาพ จำนวนภาพถ่ายต่อเนื่องของกล้องแต่ละรุ่นแตกต่างกันออกไปด้วย ยิ่งบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลได้เร็วเท่าไร กล้องจะทำงานได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งผู้ที่จะซื้อกล้องจะต้องเลือกกล้องที่ใช้แผ่นบันทึกข้อมูลให้เหมาะสมกับการใช้งานของตนเอง โดยเฉพาะการเผื่อใช้งานกับอุปกรณ์ต่อเนื่องอื่นๆ และเผื่อใช้งานในอนาคตอีกด้วย

แผ่นบันทึกข้อมูลสามารถแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบใหญ่ๆ ได้คือ

1. แผ่นบันทึกข้อมูลแบบ Flash Memory ใช้หน่วยเก็บความจำคล้าย RAM ในเครื่อง PC แต่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ และความจำไม่หายแม้ปิดเครื่อง
2. แผ่นบันทึกข้อมูลแบบ Rotating Diskใช้แผ่นเก็บข้อมูลที่เป็นแม่เหล็กคล้ายแผ่น Disk หรือ Hard Disk